การใช้งานเครื่องอ่านบาร์โค้ดเพื่อช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น

ทุก ๆ คนคงเคยเห็นรหัสรูปแท่งที่ติดอยู่ด้านข้างของผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม สบู่ ยาสระผม แปรงสีฟันหรือสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ที่ล้วนอยู่รอบตัวของเรามาแล้วกันทั้งนั้น แต่ทราบหรือไม่ว่ารหัสดังกล่าว ซึ่งมีชื่อเรียกว่ารหัสบาร์โค้ดนั้น มีความจำเป็นอย่างไรจึงต้องนำมาใช้ติดกับสินค้าเกือบทุกประเภท
รหัสแท่งชนิดนี้ถูกคิดค้นมานานกว่า 50 ปีแล้ว ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยให้การจัดเก็บและการอ่านข้อมูลของสินค้าต่าง ๆ เป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งธุรกิจแรกที่เริ่มใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ด คือ ธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการประหยัดเวลาและแม่นยำในการอ่านสินค้าที่ขายหรือให้บริการกับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง ซึ่งรหัสแท่งชนิดนี้ก็ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนมีรูปแบบอย่างในปัจจุบัน อันประกอบไปด้วยแท่งสีดำและขาวสลับกัน โดยมีความหนาของแท่งแต่ละแท่งแตกต่างกันไปตามรหัสที่กำหนด ซึ่งประเภทของบาร์โค้ดอาจแตกต่างกันตามประเภทการใช้งาน เช่น รหัสภายในกล่าวคือมีการใช้รหัสดังกล่าวแค่ภายในองค์กรใดองค์กรหนึ่งเป็นการภายในเท่านั้น ไม่มีการนำมาใช้งานกับองค์กรภายนอกอื่น ๆ และอีกประเภทหนึ่งคือรหัสตามมาตรฐานสากล หรือรหัสที่ผู้บริโภคได้เห็นในสินค้าหลากหลายประเทภนั้นเอง สามารถใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ดอ่านเพื่อระบุประเภทและจำนวนของสินค้าที่อ่านได้เลยทันที
เพราะรหัสแท่งที่ระบุบนสินค้านั้นต้องมีการขึ้นทะเบียนบริษัทผู้ผลิตกับหน่วยงานที่ดูแลรหัสแท่งของแต่ละประเภทเสียก่อน แล้วจึงกำหนดย่อยเป็นสินค้าของแต่ละบริษัทนั้น โดยข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้จะมีเครือข่ายเชื่อมโยงกันเพื่อไม่ให้มีการออกรหัสที่ซ้ำกันเลยของแต่ละผู้ประกอบการ ทำให้เครื่องอ่านบาร์โค้ดสามารถตีรหัสแท่งออกมาเป็นชื่อสินค้าได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
ซึ่งหลักการทำงานของเครื่องอ่านบาร์โค้ดมาจากการใช้หลักการสะท้อนแสงมาใช้ โดยการฉายรังสีอินฟาเรดลงบนแถบรหัสแท่งของสินค้าที่ต้องการอ่าน โดยเครื่องอ่านจะรับแสงสะท้อนที่แตกต่างกันของแถบสีในรหัสแท่งเพื่อนำกลับไปประมวลผลออกมาเป็นจ้อมูลสินค้าที่ทำการอ่านได้อย่างแม่นยำนั้นเอง และจำนวนในการอ่านก็จะบอกให้ทราบถึงจำนวนของสินค้าที่เครื่องได้ตัดออกจากระบบไปอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นวิธีที่ง่ายกว่าเดิมซึ่งอาศัยการจดบัญชีชื่อรายการสินค้าทีละรายการซึ่งนอกจากจะเสียเวลามากกว่าแล้ว ยังง่ายที่จะเกิดความผิดพลาดอีกด้วยทั้งการจดชื่อสินค้าหรือจำนวนของสินค้าผิดพลาดนั้นเอง ซึ่งการที่เครื่องอ่านบาร์โค้ดจะทำงานได้ดีหรือไม่นั้น ต้องอาศัยโปรแกรมที่ช่วยในการอ่านรหัสแท่งด้วย ควรเป็นโปรแกรมที่มีการเชื่อมโยงเครือข่ายรหัสสินค้าต่างๆตามมาตรฐานสากล เพื่อให้สามารถอ่านสินค้าได้ทุกประเภท ทุกประเทศผู้ผลิตได้อย่างดีนั่นเอง